เนื่องจากในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาที่จะถึงนี้ พุทธศาสนิกชนได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างช้านานเกี่ยวกับการบรรพชาอุปสมบทและการอธิษฐานเข้าพรรษา รวมถึงพุทธศาสนิกชนที่จะต้องปฏิบัติธรรมในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ถือเป็นธรรมเนียมประเพณีสำคัญที่สืบทอดกันมาอย่างช้านาน และกิจกรรมโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติฯ อันเนื่องมาจากพระราชดำริใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้น เพื่อเป็นการดำรงไว้และสืบสานประเพณีการบรรพชาอุปสมบทให้ดำรงคงอยู่สืบไป รวมถึงการสืบทอดทายาททางพระพุทธศาสนา และการปฏิบัติกิจของสงฆ์ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา เป็นไปอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID - 19) จึงเห็นควรทบทวนและผ่อนปรนการบรรพชาอุปสมบท ให้วัดต่าง ๆ สามารถดำเนินการได้ โดยปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ตามประกาศของรัฐบาล หรือข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข หรือตามคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ในพื้นที่นั้น ๆ กำหนดอย่างเคร่งครัด ดังนี้ ๑. การประกอบพิธีในพระอุโบสถ/อุโบสถ พระอุปัชฌาย์ พระคู่สวด และพระอันดับ ต้องสวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างตามความเหมาะสม ๒. ผู้ที่จะเข้าร่วมพิธีในพระอุโบสถ/อุโบสถ ให้พิจารณาเฉพาะเท่าที่จำเป็น และตามความเหมาะสมของสถานที่ ๓. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID - 19) ตามประกาศของรัฐบาล หรือข้อแนะนำของกระทรวง-สาธารณสุข หรือตามคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดในพื้นที่นั้น ๆ กำหนดอย่างเคร่งครัด ๔. ผู้ที่จะเข้ารับการบรรพชาอุปสมบท ต้องนำใบรับรองผลการตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID - 19) ครั้งที่ ๑ ครั้งที่ ๒ หรือใบรับรองผลการฉีดวัคซีนครบ ๒ ครั้ง ไปแสดงต่อพระอุปัชฌาย์ ทั้งนี้ เพื่อคำนึงถึงความเสี่ยงต่อการติดโรค การแพร่กระจายเชื้อและความปลอดภัยเป็นสำคัญ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบและมอบสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแจ้งเจ้าคณะจังหวัด ทั้ง ๒ ฝ่าย ทราบ เพื่อแจ้งวัดในเขตปกครองปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคม และให้ดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม
ที่มา : http://mahathera.onab.go.th/